กติกาของ บาคาร่าซุปเอร์ซิก และอัตราของการจ่ายอย่างไร

วันนี้ทุกท่านมาทำความรู้จักกับกติกา บาคาร่าออนไลน์ 6 แต้ม ในอีกหนึ่งรูปแบบของการเดิมพันที่ทุกท่านสามารถเลือกความคุ้มค่าของการลงทุนได้เอง พร้อมทั้งวิธีการคำนวณอัตราการจ่ายที่ถูกต้อง มารู้จักกติกาของเกมไพ่บาคาร่าออนไลน์ในแบบคร่าวๆก่อน เกมบาคาร่าออนไลน์ จะมีกติกาการเล่นที่คล้ายๆกันในแบบที่เล่นในคาสิโนเลย แต่จะต่างกันที่บรรยากาศ และรูปแบบของการลงเดิมพันที่ต่างออกไป โดยเกมบาคาร่าออนไลน์ จะเป็นการเล่นที่ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ทุกท่านสามารถเข้าเล่นได้จากทุกที่ โดยผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต

กติกาของการเล่นเกม บาคาร่าออนไลน์

โดยกติกาแล้วการเล่นเกมบาคาร่าออนไลน์ คือผู้เล่นจะเป็นผู้ที่ลงเดิมพันว่าฝ่ายไหนจะชนะ ในเกมการแข่งขัน ระหว่าง ทางฝ่ายเจ้ามือ (Banker) และ ทางฝ่ายผู้เล่น (Player) ด้วยการนับคะแนนรวมของหน้าไพ่ที่คล้ายๆกับการเล่นไพ่ป๊อก ที่จะรับไพ่มาฝ่ายละ 2 ใบ หรือมีการจั่วเพิ่มอีกใบที่ 3 ในการรวมคะแนน 

เกมบาคาร่าออนไลน์มีอัตราของการจ่ายได้ดังนี้

• การเดิมพันทางฝ่ายของเจ้ามือ (Banker) ในการเลือกเดิมพันทางฝ่ายของเจ้ามือนั้น จะมีอัตราของการจ่ายอยู่ที่ 1ต่อ0.95 เช่น ถ้าผู้เล่นเดิมพันไป 100 บาท จะได้กำไรกลับมา 95 บาท( รวมทุนเป็น 195 บาท)
• การเดิมพันเสมอ (Tie) จะมีอัตราของการจ่ายอยู่ที่ 1ต่อ 8 หรือจะคิดเป็น 8 เท่าของจำนวนเงินที่ลงเดิมพัน ซึ่งจะมีโอกาสเกิดแต้มไพ่เสมอน้อยมาก 
• การเดิมพันทางฝ่ายของผู้เล่น (Player) ในการเลือกเดิมพันฝ่ายผู้เล่น จะมีอัตราของการจ่าย 1 ต่อ 1 เช่น ถ้าผู้เล่นวางเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 100 บาท( รวมทุนเป็น 200 บาท)

กติกาของเกมบาคาร่า 6 แต้ม นั้นคืออะไร

เป็นการคิดอัตราของการจ่ายของการ เล่นไพ่บาคาร่าออนไลน์มือถือได้เงินจริง (ที่ไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่น) นั่นเอง จากการลงเดิมพันในฝ่ายของเจ้ามือซึ่งหมายความว่า ถ้าผู้เล่นได้ลงวางเดิมพันที่ฝ่ายของเจ้ามือเท่าไหร่ ก็จะได้กำไรเท่านั้น หรือมีอัตราของการจ่ายแบบ 1ต่อ1 เหมือนกับเดิมพันในฝ่ายผู้เล่นเลย

แต่มีกฎพิเศษอยู่ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ทางฝ่ายของเจ้ามือ ที่ได้เปิดไพ่ออกมาแล้วได้แต้มรวมเป็น 6 แต้มและเอาชนะฝ่ายผู้เล่นได้ เช่น ถ้าฝ่ายเจ้ามือได้แต้ม 6แต้มและทางฝ่ายของผู้เล่นได้แต้ม 4 แต้ม เมื่อนั้นอัตราของการจ่ายจะกลายเป็น 1 ต่อ 0.5 หรือจ่ายเพียงครึ่งเดียวทันที

ตัวอย่าง การเดิมพันที่ลงเดิมพันที่ฝ่ายของเจ้ามือ 100 บาท แล้วทางฝ่ายของเจ้ามือเปิดไพ่ได้แต้ม 6 ซึ่งจะชนะฝ่ายผู้เล่นได้ และได้กำไรกลับมาครึ่งหนึ่ง คือ 50 บาท (รวมทุนเป็น 150 บาท )เท่านั้น

การนับแต้มจากหน้าไพ่ มีดังนี้

• ไพ่ A มีแต้มเท่ากับ 1 แต้ม
• ไพ่ J, Q, Kและไพ่10 ตามลำดับมีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
• ไพ่ ตัวเลขต่างๆจะมีค่าเท่ากับหน้าไพ่

แบ่งอัตราของการจ่ายออกเป็น ดังนี้

1. อัตราของการจ่าย คือ ถ้าผู้เล่นเดิมพันทางฝ่ายของเจ้ามือแล้วชนะ จะมีอัตราของการจ่าย คือ 1 ต่อ0.95

2.การเดิมพันฝั่งที่ เสมอ แล้วชนะ จะมีอัตราของการจ่าย คือ 1 ต่อ 8

3.การเดิมพันทางฝั่งผู้เล่นแล้วชนะ จะมีอัตราของการจ่าย คือ 1 ต่อ 1

4.การเดิมพันของฝ่ายเจ้ามือแล้วชนะ จะมีอัตราของการจ่าย คือ 1ต่อ 1 

กติกาของการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายเจ้ามือ (Banker)

อย่างที่ทุกท่านได้รู้กันไปแล้วว่าเกมไพ่บาคาร่า จะนับแต้มคล้ายๆกับไพ่ป๊อก ดังนั้น ถ้าทั้งฝ่ายเจ้ามือและฝ่ายผู้ของเล่นจะสามารถเรียกจั่วไพ่ใบที่ 3 ก็ได้ตามกติกาของเกม เพื่อเพิ่มโอกาสแต้ม ที่สามารถสู้กับอีกฝ่ายหนึ่งได้

โดยการที่ผู้เล่นรู้ว่า ทางฝ่ายของเจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่ 3 ก็ได้ในกรณีไหนบ้าง ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าโอกาสที่ทางฝ่ายของเจ้ามือจะได้แต้มรวมเป็น 6 แต้ม หรือจะมีโอกาสที่จะทำให้ผู้เล่นได้กำไรเพียงครึ่งเดียวนั้น มีมากหรือน้อยแค่ไหน เพื่อได้ดูว่าคุ้มหรือไม่ที่จะเลือกการเดิมพันบาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น

สำหรับการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายเจ้ามือ จะทำได้เมื่อเจ้ามือได้เปิดไพ่แล้วมีแต้มรวม 0, 1, 2 ก็จะจั่วเพิ่ม

ถ้าเปิดไพ่แล้วมีแต้มรวมกันได้ 3 แต้มก็จะรอดูไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายผู้เล่น ซึ่งรวมแล้วได้ 8 หรือ 9 แต้ม ก็ไม่จั่วเพิ่ม 

แต่ถ้าเปิดไพ่แล้วมีแต้มรวมได้ 4 แต้มก็จะรอดูไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายผู้เล่น ซึ่งถ้ารวมแล้วได้ตัวเลข 0, 1, 8, 9 แต้ม ก็ไม่จั่วเพิ่ม

หรือเปิดไพ่แล้วมีแต้มรวมเป็น 5แต้ม ก็จะรอดูไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายผู้เล่น ซึ่งถ้ารวมแล้วได้ตัวเลข 0, 1, 2, 3, 8, 9 แต้ม ก็ไม่จั่วเพิ่ม

หรือเปิดไพ่แล้วมีแต้มรวมเป็น6 แต้มก็จะรอดูไพ่ใบที่ 3 ของทางฝ่ายผู้เล่น ซึ่งถ้ารวมแล้วได้ตัวเลข 0, 1, 2, 3, 4, 5, 8, 9 แต้ม ก็ไม่จั่วเพิ่ม